บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุด
รายหนึ่งของภูมิภาค ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เข้าอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 (Environmental, Social and Governance) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ถือเป็นการจัดอันดับบริษัทหลักทรัพย์ด้านการพัฒนาความยั่งยืนครั้งสำคัญของตลาดทุนไทย
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีเค พาวเวอร์ ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี เราทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาแผนกลยุทธ์และกำหนดวิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของบริษัท ทั้งในด้านความเสี่ยง ศักยภาพในการแข่งขัน และการได้รับการยอมรับจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุพันธกิจสำคัญของซีเค พาวเวอร์ คือ การเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในชุมชนและสังคม”
“จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ซีเค พาวเวอร์ ได้นำแนวคิดเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance) นี้ มาพัฒนาเป็นแผนการดำเนินงาน 5 ปี สู่ความยั่งยืน (พ.ศ.2565-2569) ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ ซี (C) เค (K) พี (P) ประกอบด้วย 1. มิติสิ่งแวดล้อม C – ไฟฟ้าสะอาด (Clean Electricity) ผ่านการดำเนินธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการรักษาสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะที่คงศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ 2. มิติสังคม K – เพื่อนบ้านที่ดี (Kind Neighbor) ด้วยการทำงานอย่างมีสำนึกรับผิดชอบ ทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างคุณค่าให้กับชุมชน สังคม และผู้มีส่วนได้เสียทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากลตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ และ 3. มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจP – พันธมิตรที่ยั่งยืน (Partnership for Life) มุ่งเสริมศักยภาพให้พร้อมรับมือกับความท้าทายและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการลงทุนในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทยและภูมิภาค รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีและเป็นธรรมแก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้น” นายธนวัฒน์เปิดเผย
“เป็นที่น่ายินดีว่าการทำงานของเรามีผลสะท้อนเป็นที่น่าภูมิใจ จากการประเมินของสถาบันไทยพัฒน์ ที่ได้ประกาศให้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้น ESG100 ประจำปี 2566 ในกลุ่มทรัพยากร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (พ.ศ. 2565-2566) โดยคัดเลือกจากการประเมินบริษัทจดทะเบียนจำนวน 888 แห่ง สำหรับเกณฑ์ในการประเมินใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ESG
ผนวกเข้ากับข้อมูลทางการเงิน เพื่อประเมินผลการดำเนินงานที่สัมพันธ์กับประเด็นด้าน ESG และตัวเลขผลประกอบการของบริษัท ตามแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราควบคู่ไปกับกำลังขับเคลื่อนองค์กรสู่CKPower NET ZERO EMISSIONS 2050 – การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593” นายธนวัฒน์กล่าว
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “ไทยพัฒน์ขอแสดงความยินดีกับซีเค พาวเวอร์ ที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 และเป็น 1 ใน 8 บริษัทกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคที่ได้รับการคัดเลือก จากกลุ่มพลังงานฯ ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 67 บริษัท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีการดำเนินงานด้าน ESG ที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง มีการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) สำหรับใช้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าที่ 7 การเข้าถึงพลังงานสะอาด (SDG 7: Affordable and Clean Energy)”
ซีเค พาวเวอร์ ตั้งเป้าว่าภายในปี พ.ศ. 2567 จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 4,800 เมกะวัตต์ โดย 95% จะผลิตจากพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เพิ่มเติมจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3,627 เมกะวัตต์ โดย 93% ของกำลังการผลิตมาจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้กำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม ตลอดจนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ซึ่งทุกโครงการจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บมจ. ซีเค พาวเวอร์ ยังคงรักษาอันดับเครดิตองค์กรที่ “A”แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จาก ทริสเรทติ้ง (TRIS Rating) สะท้อนการคาดการณ์โดยทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของซีเค พาวเวอร์จะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย มีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการลงทุน